กฎหมายเกี่ยวกับการจราจร  ได้แก่  พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 ที่บัญญัติขึ้นเพื่อใช้ควบคุมเส้นทางของผู้ขับขี่รถยนต์  คนเดินเท้า  และคนขี่รถจักรยาน ให้ปฏิบัติตามเพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน กฎหมายเกี่ยวกับการจราจรที่นักเรียนควรรู้ ได้แก่


1. กฎจราจร

          1.1  สัญญาณจราจร  คือ สัญญาณที่ผู้มีหน้าที่เกี่ยวกับการจราจรใช้สัญญาณเพื่อสื่อสารกับผู้ควบคุมยานพาหนะ  มีหลายลักษณะ  ได้แก่
                 1.1.1 สัญญาณธง   เรามักจะเห็นใช้สัญญาณนี้ตามหน้าโรงเรียนให้เด็กนักเรียนข้ามถนน
                 1.1.2 สัญญาณมือ  เรามักจะเห็นตำรวจจราจรใช้สัญญาณมือในการควบคุมการจราจรเป็นส่วนใหญ่
                 1.1.3 สัญญาณนกหวีด  เรามักจะเห็นตำรวจจราจรใช้สัญญาณนกหวีดควบคู่กับสัญญาณมือโดยเป่ายาว  1  ครั้ง ให้รถหยุด แต่ถ้าเป่าสั้นๆ หลายครั้งให้รถวิ่งต่อไปได้
                 1.1.4 สัญญาณไฟ   เรามักจะเห็นตามทางแยกต่าง ๆ  และมีใช้เหมือนกันทุกประเทศในโลก  มีใช้สีประกอบ  3  สี ดังนี้
                          (1) ไฟสีแดง  หมายถึง ให้ผู้ขับขี่หยุดยานพาหนะหลังเส้นให้หยุด
                          (2) ไฟสีเหลือง  หมายถึง  ให้ผู้ขับขี่เตรียมหยุดยานพาหนะหลังเส้นให้หยุด
                          (3) ไฟเขียว  หมายถึง  ให้ผู้ขับขี่ขับยานพาหนะผ่านไปได้


          1.2  เครื่องหมายจราจร  คือ  ป้ายสัญลักษณ์ที่ติดไว้เพื่อให้ผู้ควบคุมยานพาหนะได้ทราบกฎจราจรสำหรับสถานที่นั้นๆ  แยกได้ 2 ลักษณะ  ได้แก่
                  1.2.1 เครื่องหมายจราจรประเภทบังคับ  เป็นเครื่องหมายจราจรที่ผู้ควบคุมยานพาหนะต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด  หากฝ่าฝืนจะต้องรับโทษตามที่กฎหมายบัญญัติไว้  เช่น  ป้ายจำกัดความเร็ว


                             
ห้ามแซง          ห้ามตรงไป       ให้เลี้ยวซ้าย        ห้ามเลี้ยวขวา

                  1.2.2 เครื่องหมายจราจรประเภทเตือน  เป็นเครื่องหมายจราจรที่เตือนให้ผู้ควบคุมยานพาหนะให้ระมัดระวัง เช่น  ระวังทางโค้ง    โค้งอันตราย   ทางลื่น  ทางชัน   ระวังคนข้ามถนน  โรงเรียน  เป็นต้น




                                   
                                                 ทางแคบด้านขวา  เตือนรถกระโดด         ทางตัดกัน            จุดกลับรถ

2. กฎจราจรสำหรับคนเดินเท้า

          2.1 ทางใดมีทางเท้าหรือไหล่ทางอยู่ข้างทางเดินรถ ให้คนเดินเท้าเดินบนทางเท้าหรือไหล่ทาง  ถ้าทางนั้นไม่มีทางเท้าอยู่ข้างทางเดินรถ  ให้คนเดินเท้าเดินริมทางด้านขวาของตน
          2.2 ภายในระยะไม่เกิน 100 เมตร นับจากทางข้าม ห้ามมิให้คนเดินเท้าข้ามถนนนอกทางข้าม
          2.3 การเดินข้ามถนนในทางข้าม ที่มีไฟสัญญาณจราจรควบคุม  เมื่อเห็นสัญญาณจราจร  ให้ปฏิบัติ  ดังนี้
                 2.3.1 สัญญาณจราจรไฟสีแดง ให้คนเดินเท้าหยุดรออยู่บนทางเท้า  บนเกาะแบ่งทางเดินรถหรือในเขตที่ปลอดภัย เว้นแต่ทางใดที่ไม่มีทางเท้า  ให้คนเดินเท้าหยุดรออยู่บนไหล่ทางหรือขอบทางก่อนจะข้ามถนน 


                 2.3.2 สัญญาณจราจรไฟสีเขียว ให้คนเดินเท้าข้ามถนนได้


                 2.3.3 สัญญาณจราจรไฟสีเขียวกะพริบ  ไม่ว่าจะเป็นทางด้านใดของถนนให้คนเดินเท้าที่ยังไม่ได้ข้ามถนนหยุดรอบนทางเท้า  บนเกาะถนนหรือในเขตที่ปลอดภัย  แต่ถ้ากำลังข้ามถนนให้ข้ามถนนโดยเร็ว


 

3. กฎจราจรสำหรับผู้ขับขี่จักรยาน

          3.1 ผู้ขับขี่รถจักรยานต้องขับขี่ชิดขอบทางด้านซ้ายของเส้นทางปกติหรือขับขี่บนเส้นทางสำหรับรถจักรยาน
          3.2 รถจักรยานต้องมีสภาพพร้อมใช้งานคือมีกระดิ่งสัญญาณที่เสียงดังได้ยินในระยะไม่น้อยกว่า 30  เมตร  มีเครื่องห้ามล้อที่สามารถใช้งานได้  มีไฟสีขาวหน้ารถ  และไฟสีแดงบริเวณท้ายรถ
          3.3 ไม่บรรทุกหรือถือสิ่งของที่จะทำให้เป็นอุปสรรคในการบังคับรถหรือขับขี่ด้วยความประมาทเป็นที่น่าหวาดเสียว
          3.4 ไม่นั่งขับขี่บนที่ไม่ใช่ที่นั่งหรือไม่ขับขี่ขนานกันไป 2  คัน ยกเว้นในทางจักรยานใหญ่ ๆหรือห้ามเกาะหรือพ่วงรถอื่นที่แล่นอยู่
          3.5 จอดจักรยานในที่จอดรถจักรยานที่ทางราชการจัดให้มีไว้

 

4. ข้อควรปฏิบัติสำหรับผู้ใช้รถใช้ถนน

          4.1 ผู้ขับขี่ควรขับขี่ด้วยความระมัดระวังและปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด
          4.2 ผู้ขับขี่ควรใช้รถที่มีสภาพดีทั้งเครื่องยนต์และอุปกรณ์ครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนด   ไม่ใช้รถที่ไม่ปลอดภัย   หรือไม่มั่งคงแข็งแรง   หรือมีเสียงดังเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด   หรือก่อให้เกิดก๊าซ  ฝุ่น  ควัน หรือละอองเคมี  อันอาจจะก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพอนามัย  ของผู้ใช้รถใช้ถนนอื่น
          4.3 ผู้ขับขี่และผู้โดยสารควรคาดเข็มขัดนิรภัย  หรือสวมหมวกกันน็อกและเปิดไฟหน้ารถสำหรับรถจักรยานยนต์ทุกครั้งที่ทำการขับขี่
          4.4 ผู้ขับขี่ควรขับด้วยความเร็ว  ใช้สัญญาณไฟ  และปฏิบัติตามป้ายเครื่องหมายจราจรและสัญญาณจราจรตามที่กฎหมายกำหนดอย่างเคร่งครัด  และไม่แซงในที่คบขัน
          4.5 ผู้ขับขี่รถบรรทุกควรบรรทุกน้ำหนักตามที่กฎหมายกำหนด  และหากจำเป็นต้องบรรทุกสิ่งของที่มีความยาวเกินกว่าตัวรถ  ต้องติดสัญญาณธงสีแดงในเวลากลางวันและต้องติดสัญญาณไฟสีแดงในเวลากลางคืน  โดยสัญญาณธงหรือสัญญาณไฟสีแดงนั้นต้องสามารถมองเห็นได้ในระยะไม่น้อยกว่าหนึ่งร้อยห้าสิบเมตร
          4.6 ผู้ขับขี่ต้องไม่ขับรถในขณะมึนเมาหรือง่วง
          4.7 ผู้ขับขี่รถทุกชนิดต้องไม่ใช้สัญญาณไฟกระพริบ  สัญญาณเสียงไซเรน   สัญญาณนกหวีด  ยกเว้น  รถฉุกเฉิน  หรือรถที่ทางราชการอนุญาตให้ใช้
          4.8 การขึ้นลงรถประจำทางควรรอจนรถหยุดนิ่งที่ป้ายหยุดรถประจำทางเท่านั้น  ไม่ควรกระโดดขึ้นรถขณะที่รถกำลังจะเคลื่อนตัวออกหรือหยุด หรือขณะประตูกำลังจะปิด

 
 
ประโยชน์ของการปฏิบัติตนตามกฎหมายจราจร  

          1. ทำให้การจราจรบนท้องถนนไม่ติดขัด  การที่ประชาชนทุกขับขี่ยานพาหนะไปตามเส้นทางตามกฎจราจร  โดยไม่ฝ่าฝืนสัญญาณจราจรก็จะทำให้การจราจรเป็นไปตามระบบและไม่ติดขัด  คนเดินเท้าปฏิบัติตามกฎจราจร ข้ามถนนตรงทางข้ามหรือเดินบนทางที่จัดไว้ให้ก็จะไม่กีดขวางทางจราจร  ทำให้การจราจรเคลื่อนตัวไปได้ตามปกติ
          2. ป้องกันการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนที่นำไปสู่ความสูญเสียต่อชีวิต ร่างกาย  ทรัพย์สินของประชาชนและประเทศ
          3. ลดความสูญเสียทางด้านเศรษฐกิจ  เมื่อไม่เกิดอุบัติเหตุทำให้ประชาชนไม่ต้องเสียเงินค่ารักษาพยาบาล  เงินทองไม่รั่วไหล  ทำให้เศรษฐกิจของตนเอง  ครอบครัว  มีความมั่นคง


กฎหมายเกี่ยวกับการจราจร
    จุดประสงค์การเรียนรู้ 
บอกวิธีการปฏิบัติตนตามกฎหมายจราจรได้
แบบทดสอบระหว่างเรียน