 |
บทเรียนสำเร็จรูปผ่านอินเทอร์เน็ต
|
|
กรอบที่ 7 |
||
ประเภทของคอมพิวเตอร์ |
||
 |
||
|
บทเรียนสำเร็จรูปผ่านอินเทอร์เน็ต
|
|
กรอบที่ 7 |
||
ประเภทของคอมพิวเตอร์ |
||
|
||
 จุดประสงค์การเรียนรู้ จำแนกประเภทของคอมพิวเตอร์ได้ |
|
| การจัดแบ่งประเภทของคอมพิวเตอร์อาจจะแบ่งได้หลายกรณีด้วยกัน
แต่ในที่นี้จะจำแนกประเภทของคอมพิวเตอร์ตามความสามารถของระบบ โดยพิจารณาจากความเร็วในการประมวลผล
และขนาดของหน่วยความจำเป็นหลัก ซึ่งสามารถแบ่งได้ 4 ประเภท ดังนี้ |
|
 1. ซูเปอร์คอมพิวเตอร์
(supercomputer) |
|
 เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ทำงานได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูง โดยทั่วไปสร้างขึ้นเป็นการเฉพาะเพื่องานด้านวิทยาศาสตร์ที่ต้องการการประมวลผลซับซ้อน
และต้องการความเร็วสูง เช่น งานวิจัยขีปนาวุธ งานโครงการอวกาศสหรัฐ (NASA) งานสื่อสารดาวเทียม
หรืองานพยากรณ์อากาศ เป็นต้น |
|
 |
ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ |
| 2. เมนเฟรม (Mainframe) |
|
 เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ได้รับความนิยมใช้ในองค์กรขนาดใหญ่ทั่วๆไป
จัดเป็นเครื่องที่มีประสิทธิภาพรองลงมาจากซูเปอร์คอมพิวเตอร์ สามารถใช้ข้อมูลและคำสั่งของเครื่องรุ่นอื่นในตระกูลเดียวกันได้
โดยไม่ต้องดัดแปลงแก้ไขใดๆ นอกจากนั้นยังสามารถทำงานในระบบเครือข่าย (Network)
ได้เป็นอย่างดี โดยสามารถเชื่อมต่อไปยังอุปกรณ์ที่เรียกว่า เครื่องปลายทาง (Terminal)
จำนวนมากได้ สามารถทำงานได้พร้อมกันหลายงาน (Multi Tasking) และใช้งานได้พร้อมกันหลายคน
(Multi User) เครื่องเมนเฟรมที่ใช้กันแพร่หลายก็คือ คอมพิวเตอร์ของธนาคารที่เชื่อมต่อไปยังตู้
ATM และสาขาของธนาคารทั่วประเทศนั่นเอง |
|
|
| 3. มินิคอมพิวเตอร์ (Minicomputer) |
|
| เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดกลาง สามารถใช้งานได้พร้อมกันหลายคนเช่นเดียวกับเมนเฟรมแต่สมรรถภาพในการทำงานด้อยกว่า
และมีราคาถูกกว่าจึงเหมาะสำหรับงานด้านธุรกิจและหน่วยงานที่มีขนาดกลาง มินิคอมพิวเตอร์มีลักษณะพิเศษในการทำงานร่วมกับอุปกรณ์ประกอบรอบข้างที่มีความเร็วสูงได้
มีการใช้แผ่นจานแม่เหล็กความจุสูงชนิดแข็ง (Harddisk) ในการเก็บรักษาข้อมูล สามารถอ่านเขียนข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว
หน่วยงานและบริษัทที่ใช้คอมพิวเตอร์ขนาดนี้ ได้แก่ กรม กอง มหาวิทยาลัย ห้างสรรพสินค้า
โรงแรม โรงพยาบาล และโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ |
|
|
| 4. ไมโครคอมพิวเตอร์ (Micro
Computer) |
|
เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ประมวลผลข้อมูลขนาดเล็ก มีส่วนของหน่วยความจำและความเร็วในการประมวลผลน้อยที่สุด
สามารถใช้งานโดยผู้ใช้คนเดียว จึงมักถูกเรียกว่า คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (Personal
Computer : PC) ปัจจุบันไมโครคอมพิวเตอร์มีประสิทธิภาพสูงกว่าในสมัยก่อนมาก อาจเท่ากับหรือมากกว่าเครื่องเมนเฟรมในยุคก่อน
นอกจากนั้นยังราคาถูกลงมากจึงเป็นที่นิยมใช้ทั้งในหน่วยงานและบริษัทห้างร้าน
ตลอดจนตามโรงเรียน สถานศึกษา และบ้านเรือน เครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ จำแนกออกได้เป็น
2 ประเภทใหญ่ๆ คือ4.1 แบบติดตั้งใช้งานอยู่กับที่บนโต๊ะทำงาน (Desktop Computer) 4.2 แบบเคลื่อนย้ายได้ (Portable Computer) สามารถพกพาติดตัว อาศัยพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่จากภายนอก ส่วนใหญ่มักเรียกตามลักษณะของการใช้งานว่า Laptop Computer หรือ Notebook Computer |
|
 |
 |
 |
|||
|
|
|
 |
 |
.jpg) |
 |
